วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

แบบทดสอบ เรื่องการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)


 (Research and Knowledge Formation)

ความรักในวัยเรียน

น.ส. อัญมณี  กรดศรีไหม    ชั้น ม.5/9  เลขที่  40

กลุ่มที่ 1

ปัญหาที่ศึกษา  คือ   ปัญหาความรักในวัยเรียน

ที่มาและความสำคัญของปัญาหา      เกิดจากความรักในวัยที่ไม่พร้อม แม้ว่าความรักจะเป็นสิ่งที่

สวยงามแต่ความรักก็ก่อให้เกิดความเจ็บปวด และอาจจะทำลายอนาคต  เช่น ท้องในวัยเรียน เสียการ

เรียน คิดสั้น เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากความรักเป็นต้น 



วัตถุประสงค์

  1. เพื่อศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรักที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่น
  2. สร้างหนังสั้นเพื่อสะท้อนชีวิตของสังคมวัยรุ่นในปัจจุบัน
  3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการรับชมหนังสั้นเรื่องนี้
  4. เพื่อฝึกทักษะในการทำหนังสั้นและนำไปต่อยอดความคิดในครั้งต่อไป

ผลการศึกษา
             
         ผลการศึกษาทำให้เข้าใจเรื่องของความรักในวัยเรียนมากขึ้น ท้้งนี้ปัญหาของความรักในวัย

เรียน อาจจะมาจากปัญหาทางสังคม ทางครอบครอบ และทางจิตใจอีกทั้ง ความรักไม่ได้มีเพียงความ

รักในวัยเรียน แต่ยังมีความรักแบบอื่นๆมากมาย ทั้งความรักแบบ พ่อแม่ ความรักแบบ ครู-ศิษย์ ความรัก

แบบเพื่อน รวมไปถึงความรักแบบหนุ่มสาว  และการได้ศึกษาปัญหาต่างๆมากมายเหล่านี้ ทำให้เรารู้ว่า

ควรยกปัญหาใดมาเป็นปัญหาหลัก เพื่อจะได้แก้ไขปัญหานั้นเป็นปัญหาแรก  เพื่อเป็นคติเตือนใจวัยรุ่น

ในปัจจุบัน   วัยรุ่นในปัจจุบันควรจะรู้จักการคิด แยกแยะ วิเคราะห์ถึงข้อดี ข้อเสียของความรักให้เป็น 

ด้วยความห่วงใยจากวัยรุ่นด้วยกัน

            ทำให้มีวิธีการทำหนังสั้นได้อย่างราบรื่นแบบไม่ติดขัดเนื่องจากมีการทำงงานเป็นทีมอย่างดี มี

การแบ่งงานกันในกู้เกิ้ล เพื่อความเข้าใจกัน และมีการทำบทภาพยนตร์หนังสั้น ได้เสร็จสิ้นเรียนร้อยแล้ว 

เหลือเพียงแต่การถ่ายทำหนังสั้น อย่าลืมติดตามชมหนังสั้นของพวกเราน่ะค่ะ


เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
    
     เวลาที่รับรู้ปัญหาของวัยรุ่น หลายคนมีความหงุดหงิด ไม่พอใจ เบื่อ รู้สึกว่าทำไมไม่เลือกสิ่งที่ดีให้กับตนเอง ทำไมต้องสร้างปัญหา คนจำนวนหนึ่งอยากจัดการปัญหาด้วยความรุนแรง ในความเป็นจริงพฤติกรรมที่ปรากฏให้เห็นมีเหตุปัจจัยที่เชื่อมโยงกัน ถ้าจัดการเฉพาะที่ตัววัยรุ่น คงแก้ปัญหาได้เพียงบางส่วน

ทำไมเด็กบางคนเกิดปัญหาพฤติกรรม ทำไมเด็กบางคนมีความเสี่ยงเรื่องความรุนแรงและเรื่องเพศ ทำไมเด็กบางคนไม่มีปัญหาทั้งที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง

แพทย์หญิงพรรณพิมล หล่อตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล อธิบายถึงปัญหานี้ว่า การเกิดปัญหาของวัยรุ่นมีปัจจัยเสี่ยงทั้งในตัวเด็กและในสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันมีปัจจัยปกป้องที่ช่วยให้เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสม แม้จะแวดล้อมด้วยสภาพที่เสี่ยงก็ตาม

ในทางจิตวิทยา ถ้าจะแก้ไขปัญหาเด็ก ต้องลดปัจจัยเสี่ยงในตัวเด็กและสิ่งแวดล้อมลง และสร้างปัจจัยปกป้องเพิ่มขึ้นในด้านต่างๆ ดังนี้

เริ่มจากความเสี่ยงแรกคือความเสี่ยงในตัวเด็ก ซึ่งมีผลมาจากครอบครัว การไม่ได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัว ถูกมองว่าเป็นแกะดำ ใช้ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง จะทำให้เด็กมีความคิดต่อต้านสังคม ไม่ยอมรับกติกาการอยู่ร่วมกัน

จากสภาวะดังกล่าวจะทำให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อพฤติกรรมที่เป็นปัญหา มองพฤติกรรมเหล่านั้นในลักษณะโก้ เป็นที่ยอมรับในกลุ่ม ให้ความพอใจอย่างทันทีทันใด โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา

นอกจากนี้การที่เริ่มมีปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อย ในเด็กที่อยู่ในสภาพปัญหาตั้งแต่กระบวนการคิดพิจารณาด้วยตัวเด็กเองยังไม่สามารถคิด ตัดสินใจได้ ทำให้ถูกหล่อหลอมความคิดความเชื่อที่ไม่เหมาะสม

ความเสี่ยงต่อมาได้แก่ ความเสี่ยงจากครอบครัว ครอบครัวบางครอบครัวยอมตามลูก ไม่รู้วิธีที่จะจูงใจเด็กให้ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ บางครอบครัวทิ้งลูกไม่เคยรู้ว่าลูกมีปัญหาอย่างไร บางครอบครัวใช้วิธีบังคับรุนแรงแต่ไม่เคยแก้ปัญหาเด็กได้จริง ครอบครัวมีความขัดแย้ง มีปัญหาในครอบครัว เด็กไม่อยากกลับบ้าน ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ในที่สุดมีกลุ่มของตนเองซึ่งเด็กรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมากกว่าของครอบครัว

บางครอบครัวส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นปัญหา มีทัศนคติยอมรับพฤติกรรมของเด็ก และมองปัญหาว่ามาจากคนอื่น เช่น โทษว่าเพื่อนลูกเป็นต้นเหตุ ปกป้องเด็กในทางที่ผิด ไม่ฝึกเด็กให้รับผิดชอบการกระทำของตนเอง พ่อแม่แก้ไขปัญหาพฤติกรรมลูกด้วยวิธีที่ผิด

นอกจากนี้การที่มีพ่อแม่มีปัญหาพฤติกรรมไม่น้อยไปกว่าลูก เรียกว่าเป็นพ่อปูกับลูกปูเดินตามกันมา จะทำให้เด็กซึมซับความเห็นแก่ตัว ไม่สนใจเรื่องศีลธรรมมาจากตัวพ่อแม่

ความเสี่ยงในชุมชนและสังคมเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ การเข้าถึงอบายมุข เหล้า ยา อาวุธ เรียกว่าแวดล้อมด้วยสิ่งจูงใจให้มีความเสี่ยง ทัศนคติของชุมชนเองยอมรับอบายมุข ยอมให้มีสิ่งมอมเมา ผู้ใหญ่ทำผิดให้เด็กเห็น

ค่านิยมของสังคมที่ยอมรับพฤติกรรมเสี่ยง ผู้ใหญ่มีพฤติกรรมเสี่ยงเหมือนเด็ก ผู้ใหญ่บางคนเป็นต้นแบบทางสังคมแต่มีวิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสม ขาดมาตรการทางกฎหมายที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีความเสี่ยง ขาดนโยบายที่ชัดเจนต่อเนื่อง ปัญหาไม่สามารถแก้ได้ในพริบตา ต้องวางแนวคิดการพัฒนาที่หวังผลในระยะเป็นสิบปี ซึ่งต้องการการตัดสินใจทางนโยบายที่จะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เด็ก

สำหรับหนทางในการแก้ปัญหา ต้องหาทางป้องกันหรือลดความเสี่ยงลง และสร้างภูมิต้านทานให้กับลูก ดังนี้

* สร้างเป้าหมายในชีวิต ในวัยรุ่นการมีเป้าหมายในชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ การค้นพบสิ่งที่ตนเองต้องการ และมีความหวังในอนาคต ทำให้เด็กเชื่อมั่น และต้องการเดินทางไปให้ถึง ความมุ่งมั่นในเป้าหมายจะทำให้เด็กตั้งใจ ยึดมั่นในความสำเร็จมากกว่าใช้เวลากับสิ่งที่ยั่วยุ

ปัญหาใหญ่ของวัยรุ่นไทยส่วนหนึ่งไม่เคยสนใจอนาคตตัวเอง เพราะมีคนคิดแทน จัดการกำหนดให้ว่าควรจะทำอย่างไร โดยตัวเด็กไม่เคยรู้สึกว่าเป็นความต้องการของตนเอง ในขณะที่เด็กอีกกลุ่มขาดโอกาสทางสังคม แม้จะตั้งความหวัง แต่ชีวิตไม่เคยมีโอกาสจะไปถึง เด็กกลุ่มนี้ทิ้งอนาคตตัวเอง เอาชีวิตรอดไปวันๆ

* สร้างบุคลิกภาพที่มั่นคง เป็นผลมาจากการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เด็กมีความเชื่อมั่นในคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อและแม่ เชื่อมั่นว่าพ่อแม่สามารถให้คำแนะนำอย่างเข้าใจ พูดคุยปัญหากับพ่อแม่ได้ มั่นใจในตนเอง มีความภาคภูมิใจ จะสัมพันธ์กับความมั่นใจว่าตนเองสามารถมีชีวิตที่ดีแม้จะแวดล้อมด้วยสิ่งที่เป็นอบายมุข เด็กกลุ่มนี้จะมีสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้าง ทำให้มีกลุ่มเพื่อน คนที่เด็กสามารถไว้วางใจได้

* มีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ได้รับการปลูกฝัง อบรมสั่งสอนตั้งแต่วัยเด็ก สามารถแยกแยะสิ่งที่ถูกต้องได้ และมีความเชื่อมั่น แม้จะเห็นคนอื่นทำสิ่งที่ผิด แต่ยังยืนหยัดที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่เด็กแสวงหาความหมายของชีวิต การมีประสบการณ์ที่สอนเรื่องชีวิตทำให้เด็กเข้าใจสถานการณ์ในชีวิตดีขึ้น พื้นที่ดีๆ ที่สอนการเรียนรู้สำหรับเด็กจึงเป็นสิ่งจำเป็น


ในส่วนของครอบครัวย่อมมีความสำคัญในการแก้ปัญหา เริ่มจากสัมพันธภาพในครอบครัว จะเป็นตัวบ่งบอกอุณหภูมิในบ้านว่าสมาชิกอยากกลับมาที่บ้านและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว สายสัมพันธ์ที่มีต่อกันทำให้เด็กคำนึงว่าสิ่งที่ตนกระทำจะเกิดผลอย่างไรกับครอบครัว และด้วยความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทำให้อบรมสั่งสอนลูกด้วยความรักได้ สัมพันธภาพที่ดีเกิดจากความสามารถในการสื่อสารความรักต่อกัน เมื่อเด็กเริ่มโตเริ่มมีความต้องการเป็นของตนเองมักเกิดความขัดแย้งกับผู้ใหญ่ การสื่อสารด้วยเหตุผลเป็นการอธิบายความต้องการของพ่อแม่และรับฟังความต้องการของลูก

ดังนั้นการฝึกทักษะสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกโตเป็นวัยรุ่นเป็นเรื่องจำเป็น จะพูดอธิบายความต้องการของตนเองอย่างไร จะแสดงความรักกับลูกอย่างไร ทำอย่างไรลูกจะเข้าใจความคาดหวังของพ่อแม่ในทางที่ดี ไม่ใช่การกดดัน

ครอบครัวพร้อมสนับสนุนเด็กวัยรุ่นมีปัญหาได้ง่าย มีความอยากลองอยากเรียนรู้ บางครั้งมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ต้องการการจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ พ่อแม่ต้องมีทักษะในการแก้ปัญหาโดยใช้วิธีทางบวก อธิบาย อบรม ชี้แนะ ให้กำลังใจมากกว่าการใช้อารมณ์ ประชด ด่าว่า ไล่ออกจากบ้าน

หากเริ่มต้นแก้ปัญหาเล็กๆ ไม่ได้ เด็กจะขยับเข้าไปหากลุ่มที่นำไปสู่ปัญหาพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้น

ด้านสังคมและชุมชน ต้องร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับเด็ก เข้าถึงเหล้าบุหรี่ยาเสพติดได้ยาก รวมทั้งอบายมุขทุกชนิด ชุมชนให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ของเด็ก จัดพื้นที่ทางสังคมให้กับเด็กเพิ่มมากขึ้นในขณะที่พยายามลดพื้นที่ที่ทำให้เด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาลง และการวางนโยบายระยะยาวว่าจะลงทุนอย่างไรในการสร้างปัจจัยปกป้องทุกด้านให้กับเด็ก ปัญหาวัยรุ่นที่พ่อแม่กำลังเผชิญอยู่ เป็นช่วงเวลาหนึ่งของพัฒนาการของลูก อยากเห็นลูกเป็นอย่างไรในอนาคต ต้องใช้เวลาที่ดีต่อกันในการดูแลลูกในวันนี้

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
                     ได้ความรู้เกี่ยวกับปํญหาชีวิตต่างๆ และการเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับทำหนังสั้น มุมกล้องต่างๆ เทคนิคการถ่ายภาพ ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมการตัดต่อภาพ การตัดต่อวิดิโอ และได้มีหนังสั้นเป็นของตนเอง


วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รักใสๆ ในวัยเรียน

ความรักในวัยเรียน

ความรักในวัยเรียน
    หลายๆคนเคยผ่านหรือเคยมีความรักในวัยเรียนมาบ้าง
 บางคนอาจจะสมหวังหรือบางคนอาจจะผิดหวังบ้าง
 ความรักในวัยเรียนก็จะมีมากมาย เช่น รักใน วัยประถม มัธยม
 และที่สำคัญคือในวัยอุดมศึกษาความรักในวัยเรียนนี้
จะอยู่ในช่วงไหนก็สำคัญหมดได้ขึ้นชื่อว่าความรักในวัยเรียน
 หลายคนอาจจะเปรียบเทียบความรักในวัยเรียนว่า
เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน เพราะคิดว่าความรักในวัยเรียนนั้น
เป็นความรักที่เป็นไปได้ยากหรือเป็นความรักที่ไม่แน่นอน
 และเป็นสิ่งหลอกหลวง  ผู้ใหญ่หลายท่านคงมองความรัก
ในวัยเรียนเป็นความรักของเด็กๆ และผู้ใหญ่หลายท่านอาจมอง
ข้ามความรักในวัยเรียน ซึ่งความรักในวัยเรียนนี้อาจส่ง
ผลถึงอนาคตข้างหน้าก็ได้ เช่น
 บางคนที่รักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงเรียนจบปริญญา
แล้วก็แต่งงานกันก็มี หรือบางคนอาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้ 
แต่ไม่ใช่ว่าความรักในวัยเรียนจะมีแค่ด้านดี 
แต่ความรักในวัยเรียนอีกด้านหนึ่งอาจจะไม่สวยงามอย่าง
ที่คิดอาจมีทั้งสิ่งที่สวยงามและสิ่งที่เลวร้ายอยู่ด้วยกัน
 ขึ้นอยู่ที่เราจะเลือกสิ่งไหนก่อนมาใช้ในความรัก
ในวัยเรียนครั้งนั้น ความรักในวัยเรียนนี้มีทั้งผลดีและผลเสีย 
ผลดีของการมีรักในวัยเรียน คือ อยากทำให้ไปโรงเรียนตั้งใจเรียน 
อยากทำกิจกรรมเด่นๆรวมถึงมีกำลังใจในการเรียน เป็นต้น
 แต่ในทางกลับกัน ผลเสียของการมีความรักในวัยเรียน 
ถ้าคุณผิดหวังในความรักก็จะทำให้ชีวิตในวัยเรียนของ
คุณเศร้าหมองไปด้วย เช่น ไม่มีสมาธิในการเรียน 
ไม่มีกำลังใจในการมาเรียน ไม่ตั้งใจเรียน 
รวมถึงพฤติกรรมต่างๆที่คุณอาจเปลี่ยนแปลงไปในด้านลบ
จากการผิดหวังในวัยเรียน การที่เรามีความรัก ในวัยเรียนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดเพราะ
ว่าความรักมันเป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่สามารถห้ามได้ ถึงอย่างไรก็ตามเราก็ควรที่จะ
ใช้ความรักในวัยเรียนให้มีคุณค่าหรือมีประโยชน์ให้มากที่สุด
                    

 ที่มา https://sites.google.com/site/prindukola/home/


แชร์ประสบการณ์คุนแม่ ท้องในวัยเรียน


ย้อนกลับไปตอน 2 ปีที่แล้วนะคะ เราอายุ 18 อยู่ ม.6 ค่ะ คบกันแฟนได้แค่2-3เดือนก็ย้ายไปอยู่บ้านแฟน (ช่างเป็นเด็กแรดเหลือเกินนะเรา)

เวลามีอะไรกันก็ไม่คิดจะป้องกันค่ะ ไม่รุ้เหมือนกันว่าทำไม แค่คิดมักง่ายว่าถ้าท้องก็ไปเอาออก ไม่เห็นซีเรียส แล้วพอท้องจริงๆก็ยังไม่เครียดนะ

คะปล่อยเลยไปจน 4 เกือบจะ 5เดือน พึ่งรุ้ตัวว่าควรจะไปเอาออก ก็เอาทองไปขายหาเงินไปเอาลูกออก แล้วก็ไปกับแฟน2คนค่ะ ที่คลินิกชุมชนแห่งหนึ่ง เพื่อนแนะนำมาค่ะ 

แต่ทีนี้เป็นบุญมากที่เค้าไม่รับเพราะเลย 3 เดือนเค้าไม่ทำให้ เราก็เดินออกมาจากคลนิก ก็มีลุงคนนึงขับรถโดยสารเดินมาทัก

ลุง " น้องท้องกี่เดือนแล้ว
เรา "4แล้วค่ะ
ลุง " ที่นี่เขาไม่รับหรอก ลุงมีที่นึงเป็นหมอเค้ามีคลินิกเอง ถ้าสนใจจะให้เบอโทรคุยกับหมอตกลงค่าใช้จ่าย แล้วลุงจะพาไป
(ลุงคนนี้เค้าเหมือนเป็นนายหน้าอ่ะ)
แล้วเราก็ตกลงโทรคุยกับหมอ ค่าใช้จ่าย 7000 กว่าบาท ดีนะที่เงินไม่พอเราเลยกลับบ้านมาก่อน จะขอยืมพี่แฟนพี่ก็เกือบจะช่วยแล้วแหละ

แต่พี่ไปคิดมาอีกทีก็คิดว่าจะบอก แม่แฟนดีกว่า เราก็เลยจะให้เค้าเป็นคนบอก เพราะเรากับแฟนไม่กล้า พอเค้าบอกเราก็ไม่กล้าสู้หน้าแม่เค้านะกลัวโดนด่าอ่ะ ไม่รุ้ทำหน้ายังไง ก็เอาแต่หมกอยู่ในห้องนอน

แล้วแม่แฟนก็โทรไปยอกแม่เรา แม่เราก็โทรมาถามตกใจนิดหน่อย ด่าว่าทำไมไม่ป้องกัน แล้วจะเอายังไง เรื่องเรียน เราก็เลยบอกว่าจะไปเรียนอยู่ หน้าหนาวถ้าท้องมันป่องก็ใส่เสื้อคลุมเอา ใกล้จะจบแล้วไม่อยากดรอป 

ทางผู้ใหญ่เค้าก็ช่วยแก้ปัญหา แม่เราเลยให้จัดงานแต่งเล็กๆ ที่บ้าน เรื่องสินสอดให้มาแค่โชว์แขกเท่านั้น เสร็จงานคืนไปหมด

ดูครอบครัวทางแม่แฟนก็เหมือนจะผิดหวังในตัวลูกชายเค้านะคะ เพราะเค้าบอกตั้งแต่แรกว่าให้ป้องกัน T^T

จากนั้นก็ลำบากเรื่องไปเรียนล่ะทีนี้ ท้องเริ่มใหญ่ ใส่เสื้อหนาวยังพองเลยก็เลยอาศัยเอากระเป๋าเป้มาปิดหน้าท้องเวลาเดิน

ลำบากมากๆภาวนาให้ปิดเทอมเร็วๆ เพื่อนๆก็ดูแลดีนะคะ เอาเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ๆมาให้ยืมตลอดเลย แล้ววันไหนที่มีเรียนเต้นลีลาศเราจะไม่ไปเรียนเพราะโดดไม่ได้ (เพื่อนช่วยโกหกครูว่าไม่สบาย )

เราอยากคลอดลูกเร็วๆมาก ขอหมอเลยว่าครบ 38 สัปดาห์ขอผ่าเลยนะคะ เพราะจะต้องไปสอบโอเน็ต นั่งหลายชั่วโมงไม่สะดวก

พอครบ 38 สัปดาห์ ก็นัดผ่าเลยค่ะ ตรงกับวันจันทร์ที่ 14 กุมภา ขอบอกประสบการณ์ผ่า โคตรเจ็บเลยค่ะ กระดิกไปทางไหนก็เจ็

บ ลูกคลอดออกมาเพื่อนๆก็พากันมาเยี่ยมเกือบจะทั้งห้อง เป็นวันที่ดีใจสุดๆ เราเลี้ยงลูกกันเองกะแฟน2คนค่ะเพราะอยู่บ้านแฟนกัน 2 คน แม่เค้าอยู่อีกบ้านนึง ขอบอกว่าลำบากมากแทบไม่ได้หลับได้นอน แล้วยังต้องตื่นเช้าไปสอบอีก 

และแล้วช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมก็ผ่านไป... รอดแล้ว จบมอหก สักที 

ช่วงวัยมหาลัยเข้าปี 1 ก็จะเอาลูกไปฝากแม่เราเลี้ยง ที่บ้านเราคนเยอะค่ะช่วยเลี้ยงหลายคน เลิกเรียนก็มาเลี้ยงต่อ ตอนนี้ก็โตจน 2 ขวบครึ่งแล้วค่ะ รู้สึกรักลูกมากๆ โชคดีที่ไม่ได้เอาเค้าออก

พอมีลูกก็เริ่มอยากทำมาหากินด้วยตัวเอง ไม่อยากพึ่งพ่อแม่ เราก็เลยขายของในเน็ต รายได้ 8000-10000 บาท

แล้วแฟนก็เปิดร้านเกมส์เล็กๆในหมู่บ้าน การเรียนก็ไม่ทิ้งนะคะ ดาวน์รถยนต์มาหนึ่งคัน ก็ช่วยกันผ่อนกับแฟน

สังสรรค์กับเพื่อนเดือนละ 2 ครั้ง มีบางเดือนที่เงินช็อตก็มีค่ะ 555 ก็ขอแม่เพิ่ม 

เป็นความโชคดีของเรานะคะ ที่มีแฟน ไม่กินไม่เที่ยว รุ้จักเก็บเงิน 

ตั้งแต่มีลูกเราก็สามารถมีความคิดที่จะหาเงินใช้เอง คิดถึงอนาคตมากขึ้น คิดจะเก็บเงิน จากเมื่อก่อนไม่มีลูกเที่ยวเตร่ไปวันๆ

แล้วตอนนี้ก็ยงเรียนอยู่ค่ะ ลูกไปฝากเนอส 

สรุปชีวิตเรานะคะ การมีลูกก็ไม่ได้ทำให้เสียอนาคตค่ะ ในเมื่อพลาดมาแล้วควรเลี้ยงเค้าไว้ แล้วเราจะรุ้สึกรักเค้ามากๆ จะร้สึกขอบคุนที่เราไม่ได้ทำแท้ง ปู่ ย่า ตา ยาย ก็รักหลาน คุนแม่ยังสาวแบบนี้แฮปปี้สุดๆค่ะในตอนนี้

แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน

แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน - Grandcondomแชร์ว่อน กรณีตัวอย่างเมื่อท้องในวัยเรียน ฝ่ายชายกลับไม่ไยดี ผู้หญิงอึ้งถูกขอให้ไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอหาคนเป็นพ่อ
กลายเป็นวิกฤตที่นับวันยิ่งพบเจอมากขึ้นในสังคมไทย สำหรับปัญหาท้องในวัยเรียน เพราะสังคมเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นช่องทางการสื่อสารเป็นไปอย่างง่ายดาย ความผูกพันในครอบครัวค่อยๆน้อยลง วัยรุ่นหันไปสนใจแต่โลกโซเชียลที่มีสิ่งยั่วยุมากมาย นักเรียนสมัยนี้จึงมองเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นของธรรมดา ซึ่งเรื่องความรักในวัยเรียนอาจไม่ผิดอะไรหากคบอย่างมีสติป้องกันทุกครั้ง แต่หากหญิงสาวหลงผิดคบกับผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบ อาจต้องพบกับความเจ็บปวดเหมือนกรณีนี้
สมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง ได้เผยแพร่เรื่องราวของเพื่อนสนิทของตน โดยนำภาพข้อความการพูดคุยในแชทระหว่างวัยรุ่นชายหญิงคู่หนึ่ง ที่พอจับใจความได้ว่าฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม แต่เมื่อรู้ดังนั้นฝ่ายชายกลับตีตัวออกห่าง อีกทั้งยังให้ตรวจพิสูจน์ว่าเป็นลูกของใคร สร้างความเจ็บปวดใจให้กับหญิงสาวอย่างมาก รายละเอียดดังต่อไปนี้

แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน
แชร์เตือนใจ รักในวัยเรียน

ความรักที่อาจก่อปัญหาในวัยเรียน


ความรักที่อาจก่อปัญหาในวัยเรียน




                หลายคนให้คำนิยามของความรักที่แตกต่างกันไป  เช่น  ความรักคือ  การให้  ความรักคือความหอมหวาน  ความรักคือความเห็นอกเห็นใจ  ความรักคือยาพิษ  ตลอดจนความรักคือยาขม  เป็นต้น
                วัยรุ่นที่อยู่ในวันเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา  ส่วนมากจะมีคนรักกันแล้ว  จะเป็นเพราะทันสมัย  ใครที่หาคนรักไม่ได้ก็คงคิดว่าเชยมากๆ  การติดต่อกันระหว่างหนุ่มสาวไม่ต้องเสียเวลาเหมือนเมื่อก่อน  ปัจจุบันนักเรียนนักศึกษาบางคนมีพร้อมแม้กระทั่งเพจเจอร์และโทรศัพท์มือถือ  (ไม่ทราบว่ามีไว้เพื่อกิจการใด) สามารถโทรติดต่อกันโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที  ก็สื่อความหมายได้เข้าใจ

                หลายๆ  คู่รักจริงหวังแต่ง  จึงต้องใช้ความพยายามถนอมน้ำใจ  รักเดียวใจเดียว  ส่งกำลังใจให้กัน  ปรึกษาหารือในด้านการเรียน  ช่วยกันทำงาน  ช่วยกันทำการบ้าน  ส่งอาจารย์  เรียนไปด้วยรักและให้กำลังใจกันไปด้วย  มีความสุขสดชื่น

                 ความรักมิใช่เป็นสิ่งที่หอมหวานเสมอไป  หลายคู่ที่มีปัญหา  ขาดความจริงใจต่อกัน  มีแต่ความใคร่  ขาดซึ่งความรัก  ชิงสุกก่อนห่าม  ซึ่งผลที่ติดตามมาคือ แต่ละฝ่ายเริ่มมีปัญหาด้านการเรียน  การขาดเรียนจะมีเป็นประจำ  เริ่มเบื่อหน่ายต่อการทำหน้าที่การเรียน  โกหกพ่อแม่ไปวันๆ  เพื่อขอค่าใช้จ่ายตามปกติที่ควรจะได้ แต่งชุดนักเรียนนักศึกษาเดินทางไปและกลับจากโรงเรียนเป็นปกติกับเพื่อนๆ  แต่ปรากฏว่าไปไม่ถึงโรงเรียน  เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาฝนกิจกรรมต่างๆ  นอกเหนือจากการเรียน  นัดพบหนุ่มสาวเข้าไปในแหล่งการพนัน  สนุ๊กเกอร์  สถานเริงรมย์ต่างๆ  เท่าที่จะสามารถไปได้  เริ่มมั่วสุมในอบายมุข  บุหรี่  ยาเสพติด  สาวค้าประเวณี  ผลที่ติดตามมาคือแต่ละฝ่ายต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน  คลินิกทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายและคลินิกเถื่อนที่จัดตั้งขึ้นโดยทั่วไป  เพื่อแก้ปัญหากับสาวๆ  ที่มีความทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาทางการเรียนที่ยากลำบากมาก  บรรดานักเรียนนักศึกษาสาวที่ต้องดิ้นรนตัวเองไปหาหมอเถื่อน  ต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นด้วยความทุกข์ระทม  เงินที่ได้มาเพื่อนำมาให้หมอ  ไม่ต้องสงสัยว่าหามาได้อย่างไร  ถ้าไม่ขอยืมหรือลักขโมยก็คงจะใช้วิชามารในการโกหกพ่อแม่หรือญาติพี่น้องหาเงินมาให้หมอเถื่อนทั้งหลาย  เงินก็เสีย  เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจกาย  อับอายขายหน้า  นอกจากนั้นต้องเสี่ยงกับความมีชีวิตรอดหรือไม่รอด  ถ้ามีชีวิตรอดจะต้องตกเป็นเป้าสายตาของชุมชนและสังคม ที่คอยดูถูกเหยียดหยาม  สายตาของสังคมจะตราหน้าถึงความอัปยศ  การเรียนแทบไม่ต้องพูดถึง  เพราะขาดการติดต่อเป็นเวลานาน  จะเข้าเรียนก็เกรงว่าจะได้รับการดุด่าว่ากล่าวหรือคำตำหนิติเตียนจากครู  อาจารย์  ถูกค่อนแคะจากเพื่อนร่วมห้องเรียน

                กิจกรรมนอกเหนือจากการเรียน  เป็นสิ่งที่ชดเชยกับผู้ที่หลงผิด  ส่วนมากจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว  เพราะอย่างไรเสียก็สูญเสียร่างกายไปแล้ว  กิจกรรมร่วมกับเพื่อนชายกลับกลายเป็นเรื่องปกติ  เริ่มรับสิ่งเสพติดทั้งหลายทั้งปวงเข้าในร่างกาย  การหาเงินเพื่อซื้อสิ่งเสพติดมีความถี่มากขึ้น

                ฝ่ายชาย  หลังจากที่สลัดรักคนเก่าแล้ว  ก็มุ่งหารักใหม่และหวังในการทำลายลูกผู้หญิงไปเรื่อยๆ  หลังจากนั้นก็สร้างความแตกร้าวเหมือนกับที่เคยปฏิบัติกับคนก่อนๆ  แต่การกระทำดังกล่าวผลกรรมก็ตกอยู่กับตัวเขาเอง  โดยเข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาบ้า  ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม  นำตนเองเข้าไปอาศัยอยู่ในเรือนจำ

                ความรักของหนุ่มสาวเป็นความรักที่หอมหวาน  เป็นวัยแห่งความสดชื่น  วัยอยากลองอยากรู้  อยากสัมผัส  เป็นวัยที่ต้องพยายามใฝ่หาคนรู้ใจ  คนให้กำลังใจและเอาใจซึ่งกันและกัน

                หนุ่มหลายๆ  คนมีปัญหาถึงกับต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อย  ถึงขั้นรวมสมัครพรรคพวกเพื่อไปทำร้ายร่างกายกับคู่อริ  เมื่อทราบว่าหนุ่มคนดังกล่าวมีพฤติกรรมมาแย่งคนรักของตนเอง  ต้องเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ  อาจารย์หัวหน้างานปกครองของสถานศึกษา  รวมทั้งพ่อแม่พี่น้องโดยทั่วไป  เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดี

                ข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อแทบทุกชนิด  ทั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น  หนังสือพิมพ์ระดับชาติ  ข่าวที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์  เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า  ปัญหาที่เกิดขึ้นของสังคมทุกวันนี้  นอกจากเหตุที่เกิดจากอาชญากรรมกับบุคคลทั่วไป  ยังมีข่าวของนักเรียนนักศึกษาที่ก่อปัญหาอาชญากรรม  ปัญหาแย่งชิงคนรักจนถึงกับทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต  บางคนแก้ปัญหารักของตนเองไม่ได้ถึงกับต้องกินยาฆ่าแมลง  กระโดดตึก  และวิธีการอย่างอื่นๆ  เพื่อหนีปัญหา

                ปัญหาความรักที่เกิดขึ้นระว่างวัยเรียน  จะไม่เกิดเฉพาะในหมู่เพื่อนเดียวกันเท่านั้น  หลายครั้งที่อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์  หรือข่าวจากโทรทัศน์  นักเรียนนักศึกษาสาวกับครูอาจารย์นาถานศึกษามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางชู้สาว  ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสียกับอาชีพของคนที่สร้างคนและสอนคน  นับว่าเป็นจุดบอดของวงการการศึกษา  ที่ถือว่าอาชีพครู  เป็นอาชีพที่มีเกียรติสูงมาก  เป็นที่นับหน้าถือตามของนักเรียน  นักศึกษา  ผู้ปกครอง  และบุคคลทั่วไป  ปัญหาที่เกิดแต่ละครั้งจะกระทบกระเทือนจิตใจของบรรดาครูอาจารย์อย่างมาก


มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร

                วิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความรัก  ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างศึกษาหาความรู้  ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายและอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์  ผู้นำชุมชนต่างๆ  ที่สำคัญที่สุดที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจังคือ  ตนเอง  ดังนั้นจึงมีทั้งตัวบุคคลและวิธีการซึ่งพอสรุปเป็นสังเขปดังนี้

1.  สร้างพลังให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง

                พ่อแม่จะต้องสร้างความสุข  ความอบอุ่นให้กับสมาชิกในครอบครัว  ความรักระหว่างพ่อแม่ที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ  การไม่ทะเลาะเบาะแว้ง  เป็นตัวอย่างที่ดีกับลูกๆ  เช้าเย็นพบหน้าให้การอบรมสั่งสอนทางด้านคุณธรรม  จริยธรรมกับลูกๆ  การร่วมรับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้า  การร่วมกิจกรรมภายในและนอกบ้าน  พาลูกๆ  ไปทานอาหารที่ร้านอาหารตอนเย็นๆ  เป็นครั้งคราว  จะเพิ่มความสุขความเป็นกันเอง  สร้างความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่  พี่ๆ  น้องๆ  และลูกหลาน  พาครอบครัวทำบุญที่วัด  สนทนากับพระคุณเจ้าเป็นบางครั้งเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ  ยึดคำสอนของคำพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าเป็นหลักธรรมคำสอน

                หลายครอบครัวที่มีปัญหา  ส่วนมากจะเกิดขึ้นจากบ้าน  เด็กขาดความสุข  ขาดความอบอุ่นภายในบ้าน  พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูกๆ  ของตนเอง กิจกรรมสังคมสงเคราะห์บ่อยครั้ง  ทำให้ลูกขาดที่พึ่งทางใจ  ไม่มีที่ปรึกษา  ต้องหนีตัวเองไปพึ่งพาอาศัยเพื่อนฝูง  หรือคนรัก  เป็นเหตุให้ต้องไปหมกมุ่นกับสิ่งเลวร้ายทั้งปวง กลายเป็นปัญหาความรักระหว่างเรียน

2.  สร้างพลังเข้มแข็งให้กับตนเอง

                ผู้เป็นลูก  ที่อยู่ในวัยนักเรียน  นักศึกษา  เป็นผู้มีความสำคัญอย่างมาก  ตนเองจะเดินทางไปสู่ความดีหรือความเลวร้ายขึ้นอยู่กับตนเองเท่านั้น  ความสำนึกในหน้าที่ของความเป็นลูกเป็นศิษย์เป็นคนดีของชุมชนและสังคม  จะขึ้นอยู่กับจิตใจของตนเองเท่านั้น  อย่าให้ใครมาบงการชีวิตของเรา  การหนีห่างจากสิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง  การสร้างพลังให้กับตนเองเป็นคนเข้มแข็ง  หนีห่างจากสิ่งเสพติด  เลือกคบแต่เพื่อนที่ดี  เพื่อนดีคือเพื่อนที่คอยชี้แนะในทางที่เหมาะสม  การชักชวนให้เรียนหนังสือไม่ชักชวนไปในทางที่เสื่อมเสียเกียรติ  เสียคน  เสียอนาคต

3.  ครูอาจารย์ที่คอยสร้างกำแพงป้องกัน

                หน้าที่ของครูอาจารย์  จะปลูกฝังให้นักเรียน  นักศึกษา  ทั้งด้านวิชาการและอบรมคุณธรรม  จริยธรรมให้กับศิษย์  ปลูกฝังความสำนึกในหน้าที่  ความซื่อสัตย์ การแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา  บุพการี  ครู  อาจารย์  ปลูกฝังความรักชาติ  ศาสนา  และองค์พระมหากษัตริย์  คอยสอดส่องติดตามพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน พฤติกรรมที่อาจจะส่อไปในทางติดยาเสพติดให้โทษทุกชนิด  เริ่มตั้งแต่การสูบบุหรี่  ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเสพยาเสพติดต่างๆ

4.  ผู้บริหารสถานศึกษา  ส่งเสริมสนับสนุน

                ผู้บริหารรวมทั้งทีมงานบริหารจัดวางแผนงาน  และมอบหมายให้ครูอาจารย์ที่สอนและที่เกี่ยวข้อง  อบรมคุณธรรม  จริยธรรมเพื่อปลูกฝังให้กับลูกศิษย์เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ  อาจจะใช้เวลาประมาณ  2-3  นาที  ก่อนการสอนด้านวิชาการ  เช่น  การปลูกฝังให้ศิษย์เป็นคนมีเหตุมีผล  ถ้าเป็นวัยเด็กและหนุ่มสาว การแนะนำเรื่องความรักในระหว่างเรียนไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ  โดยเฉพาะอาจารย์สุภาพสตรี  การแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงๆ  กับนักเรียนหญิง  การดูแลร่างกาย  การรักษาประเพณีอันดีงาม  ความเป็นกุลสตรีที่สง่างามของคนไทย  หญิงไทย  ความรักที่อาจจะเกิดปัญหาในวัยเรียน  การจัดอบรมพัฒนาจิตโดยคณะวิทยากร

                การติดตามประเมินผลของฝ่ายบริหาร  จะเป็นการกระตุ้นให้ครูอาจารย์ได้ทำหน้าที่ของความเป็นครูได้อย่างดี

 5.  ผู้นำชุมชนให้ความสนใจลูกหลาน

                ในชุมชนหมู่บ้าน  ผู้นำชุมชน  คือ  พระสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้าน  กำนัน  อ.บ.ต.  และอื่นๆ  ควรจัดประชุมและวางแผนจากคณะกรรมการของหมู่บ้าน  จัดกิจกรรมภายในชุมชน  เพื่อต่อต้านสิ่งที่เป็นอบายมุขทั้งหลายที่จะเข้ามาภายในหมู่บ้าน  อบรมสั่งสอนลูกหลานที่เป็นทั้งเด็กและเยาวชน  นักเรียนนักศึกษาให้ห่างไกลยาเสพติด ให้ประพฤติและปฏิบัติในกรอบของคุณงามความดี  เพื่อชื่อเสียงของตนเอง  ของพ่อแม่  เพื่อหมู่บ้าน  กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์  กิจกรรมทางศาสนาเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนเป็นคนดีมีระเบียบวินัยสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองและครอบครัว  รวมทั้งชุมชน  ผู้นำในชุมชนนั้น  จำต้องปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีกับลูกหลาน

 6.  ผู้สื่อข่าวนำเสนอข่าวที่สร้างสรรค์และให้ความรู้

                โดยหน้าที่ของผู้สื่อข่าวคือ  การนำเสนอข่าวแทบจะทุกเรื่องต่อสาธารณชน  เพื่อผู้บริโภคจะได้ทราบความเคลื่อนไหวเหตุการณ์ของทุกพื้นที่ของโลก  ข่าวอาชญากรรม  ข่าวเศรษฐกิจ  ข่าวเหตุบ้านการเมือง  ข่าวบันเทิง  และข่าวมโนสาเร่ต่างๆ      บางข่าวจะมีผลทำให้วัยรุ่นนำเป็นเยี่ยงอย่าง  เช่น  เยาวชนบางคนที่แก้ปัญหาชีวิตของตนไม่ตก  หาที่พึ่งพาทางใจไม่ได้  ขาดที่ปรึกษา  เลยต้องทำร้ายตนเอง  กระโดดตึก  กินยาฆ่าแมลง  และวิธีการอื่นๆ  ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่สะเทือนใจและสะเทือนขวัญของสังคมโดยทั่วไป  วัยรุ่น  วัยคะนอง  วัยอยากลองรัก  เกิดความไม่สมหวังในรัก  ก็เอาตัวอย่างจากข่าวที่เคยลงในหนังสือพิมพ์  จากโทรทัศน์เป็นแบบอย่าง  ดังนั้นบางครั้งการเสนอข่าวในแง่ที่จะเป็นตัวอย่างก็ควรลดน้อยลง

                นักเรียน  นักศึกษาหลายคน  เคยเห็นตัวอย่างในข่าวจากที่ต่างๆ  ก็ปฏิบัติตาม  โดยแท้จริงแล้วการนำเสนอข่าวในทางสร้างสรรค์  การเสนอแนะในเชิงให้ความรู้หรือแทนที่นำเสนอข่าวด้านลบอย่างเดียว  ข่าวที่เป็นการให้ความรู้  การแก้ปัญหาวัยรุ่น  วัยเรียน  สื่อด้านต่างๆ  ก็ควรบรรจุเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ด้วย

                ความรักอันหอมหวานของเด็กวัยรุ่น    วัยเรียน  เป็นเรื่องที่เสี่ยงพอสมควร  แต่ทุกคนก็อยากจะลอง  เมื่อเข้าไปสัมผัสแล้วก็ลืมเรื่องเรียน  การมอบความรัก การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  ความรักเดียวใจเดียว  รักรอและรอรักได้  เมื่อจบการศึกษามีการมีงานทำเป็นหลักแหล่ง  มีรายได้เป็นของตนเอง  เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน และให้ความหวังไว้ต่อกันและกัน  ประสบความสำเร็จในชีวิตของความรัก  แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา  ก็หลายคู่ถือเป็นตัวอย่างที่ดี

 บทสรุป


                ความรักในวัยเรียนเป็นความรักที่หวานชื่น  ถ้าขาดซึ่งความจริงใจต่อกัน  ไม่สามารถถนอมน้ำใจกันอย่างตลอด  การชิงสุขก่อนห่าม  ผลที่ตามมาคือ  ความรักเปรียบเสมือนยาขม  การเสริมสร้างพลังให้กับครอบครัว  ให้ความเข้มแข็ง  พ่อแม่มีส่วนทำให้ครอบครัวเข้มแข็งหรืออ่อนแอได้  ครูอาจารย์ในสถานศึกษามีส่วนอบรมหรือสั่งสอนได้มาก  เนื่องจากนักเรียนนักศึกษามีเวลาอยู่กับครูอาจารย์ที่สถานศึกษาอย่างน้อย  8  ชั่วโมง  นอกจากนั้นผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้นำชุมชน  ผู้สื่อข่าวและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง  ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในการดูแลและอบรมให้      เยาวชนของชาติเป็นคนดีของสังคม  สอนให้มีความรู้ดี  รู้ชอบ  รู้เหตุรู้ผล  รู้วิธีการแก้ปัญหาในชีวิตของตนเอง  เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือแห่งอบายมุข  ถ้าผู้มีหน้าที่ดังกล่าวช่วยกันดูแลลูกหลานและปฏิบัติตามแนวทางเหตุการณ์ที่บอกว่า  ความรัก..ที่อาจจะเป็นปัญหาในวัยเรียน...คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ผิดไหมถ้าริรักในวัยเรียน



ผิดไหมถ้าริรักในวัยเรียน

ผิดไหมถ้าริรักในวัยเรียน
เพื่อนๆ อาจเคยได้ยินคำสอนของผู้ใหญ่ที่มักพร่ำเตือนเด็กชายเด็กหญิงวัยรุ่นว่า.. อย่าริรักในวัยเรียน มันยังไม่ถึงเวลา ซึ่งจริงๆ แล้วท่านเตือนด้วยและห่วงใยกลัวจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาหากมีแฟนทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ ขณะที่วัยรุ่นเองก็กลัวโดนทางบ้านดุถ้ารู้ว่ามีแฟน ข้อห้ามหรือคำพูดดังกล่าวทำให้วัยรุ่นไม่กล้าที่จะบอกหรือพูดคุยเรื่องความ รู้สึกส่วนตัวกับพ่อแม่ เพราะคิดสรุปเองสิ่งนี่มันคือข้อห้ามจากคำพูดของผู้ใหญ่!! ดังนั้นมาดูสิว่าที่เพื่อนๆ คิดหรือกังวลตรงกับข้อไหนบ้างนะ..
Q : ริรักในวัยเรียนผิดหรือเปล่า
A : เรื่อง รักในวัยเรียนคงไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกค่ะ หากความรักนั้นอยู่ในขอบเขตที่พอดีและเหมาะสมต่างฝ่ายต่างให้เกียรติและ เคารพในบทบาทหน้าที่ของกันและกัน ที่สำคัญเพื่อนๆต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องความรักกับการเรียน สองสิ่งนี้ต้องจัดลำดับว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ณ ช่วงเวลานั้นของตัวคุณเอง แน่นอนว่าถ้าเรายังเด็กการเรียนย่อมมาเป็นอันดับแรกและเมื่อโตขึ้นมีหน้าที่ การงานมั่นคงเราก็พร้อมที่จะมีความรักอย่างจริงจังในการมองหาคู่ชีวิต ไม่ใช่รักใสๆ แบบวัยเรียนแล้วล่ะค่ะ
Q : รักครั้งแรกเป็นอย่างไร
A : แหมถ้าถามถึงรักครั้งแรก หลายคนย่อมรู้สึกจดจำได้ดีเป็นพิเศษ เพราะเป็นรักใสๆในวัยเรียน เป็นความรู้สึกพึงพอใจ รู้สึกปลื้มใครสักคนหรือที่เรียกว่าชอบ จนพาลให้คิดไปว่านั่นคือความรัก และความรักกับความใคร่นี้ก็ใกล้นิดเดียวเองค่ะ ฉะนั้นแล้วรักให้เป็นต้องไม่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น หากรู้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางอนามัยเสริมความปลอดภัยให้ชีวิตกันนะคะ
Q : ทำ ไงดีถ้ามีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยที่ทางบ้านไม่
A : เมื่อเราทราบว่า การกระทำของเราไม่ถูกต้องหรือคำนึงได้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา ก็ควรป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากจำเป็นก็ควรป้องกันการตั้งท้อง และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้งที่มีเพศ สัมพันธ์ค่ะ แต่หากท้องขึ้นมาจริงๆ ก็ควรปรึกษาทางบ้านเพื่อหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกัน หรือโทรสอบถามหน่วยงานที่รับให้คำปรึกษาในเรื่องนี้
Q : สมมติเกิดท้องขึ้นมา แต่อยากเรียนต่อจะทำไงดี
A : ถ้า อยากเรียนต่อแต่ติดที่ตั้งท้องก็ยื่นเรื่องขอพักการเรียนชั่วคราวไว้ก่อนค่ะ เมื่อคลอดแล้วก็ทำเรื่องกลับเข้ามาเรียนใหม่ หรือปรึกษาผู้ใหญ่ คนในครอบครัว สิ่งสำคัญคือโรงเรียนและผู้บริหารโรงเรียน ไม่ควรปิดกั้นเด็กด้วยทัศนคติส่วนตัวตัดสินเด็กดีหรือไม่ดีจากเรื่องนี้ แล้วบีบเด็กให้ต้องลาออกหรือย้ายโรงเรียนซึ่งทำให้เด็กหมดอนาคต เพราะนั่นไม่ใช่นโยบายการแก้ปัญหาของกระทรวงศึกษาธิการ
Q : ผู้หญิงมีทางเลือกยุติการตั้งท้องไหมโดยไม่ผิดกฎหมาย
A : กฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงยุติการตั้งท้องได้ในกรณีต่อไปนี้
- การตั้งท้องเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของผู้หญิง
- ผู้หญิงที่มีอาการทางจิตก่อนหรือหลังขณะตั้งท้อง
- การตั้งท้องเกิดจากการข่มขืน
- การตั้งท้องโดยที่ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี
Q : แล้ว ถ้าท้องไม่พร้อมจริงๆ มีหน่วยงานใดช่วยเหลือผู้หญิงบ้าง
A : สำหรับหน่วยงานที่ให้บริการช่วยเหลือการปรึกษาทางเลือกสำหรับ ผู้หญิงท้องไม่พร้อม อาทิ ศูนย์นเรณทรพึ่งได้ โรงพยาบาลสมุทรปราการโทร. 1669 ศูนย์พึ่งได้โรงพยาบาลประทุมธานี โทร.02-598-8753 มูลนิธิเพื่อนหญิง โทร.02-513-1001 โรงพยาบาลตำรวจ โทร. 02-253-0121 02-253-0121 ฯลฯ เพื่อประเมินหาทางเลือกที่เป็นไปได้ และเหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

มุมมองความรักในวัยเรียน

ความรักในวัยเรียน

          
  การมีความรักถือว่าเป็นสิ่งที่ดี  ถ้าเรารู้จักที่จะแยกแยะว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ  โดยเฉพาะกับนักเรียน  นักศึกษา  ที่มีความรักในวัยเรียน  การมีความรักในวัยเรียนถือว่าไม่ผิด  แต่ควรมีในกรอบที่ดี  ไม่ออกนอกลู่นอกทาง  ความรักไม่ใช่แฟชั่นที่สามารถนำมาเป็นเรื่องสนุกๆ ยิ่งกับวัยรุ่นเห็นเพื่อนมีแฟน อยากมีแฟนบ้าง  เพราะถือว่าใครไม่มีแฟนถือว่าเชย  ความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดๆ  สำหรับบางคนความรักเป็นเหมือนกำลังใจที่จะผลักดันให้สามารถที่จะทำอะไรก็ได้ให้สำเร็จ  เป็นการส่งเสริมกันและกัน  และช่วยกันจนสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกัน  แต่บางคนก็พากันออกนอกสู่นอกทาง  จนเกิดเป็นปัญหาสังคม  เช่น  การชิงสุกก่อนห่าม  การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม  เพราะคิดเพียงแค่ความสนุกชั่วครู่  แต่ผลที่ตามมานั้นอาจมีความรุนแรงและส่งผลกระทบกับตัวเขาเอง  ครอบครัวและสังคมอย่างมาก  ดังนั้นครอบครัวต้องมีการดูแลบุตรหลานให้ดี  ไม่ควรปล่อยปละละเลย  ควรให้ความรักความอบอุ่น  พ่อแม่บางคนไม่มีเวลา  จนทำให้ลูกต้องหันเข้าหาแฟน  เพื่อเป็นการลบปมด้อยที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้  จนเห็นแฟนมีความสำคัญมากกว่าพ่อแม่  พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญกับลูกให้มากเพื่อไม่ให้ปัญหาต่างๆเหล่านั้นเกิดขึ้น..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/83218

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยรุ่นที่มีรักในวัยเรียน จากใจ โต้ สุหฤท

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยรุ่นที่มีรักในวัยเรียน จากใจ โต้ สุหฤท

   หลัง จากที่ สุหฤท สยามวาลา ดีเจอินดี้ และผู้บริหารบริษัทเครื่องเขียนดังของตระกูลสยามวาลา ได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทำให้ขณะนี้เขาได้กลายเป็นขวัญใจเด็กแนวทั่วประเทศ ด้วยแนวคิดแหกกรอบ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ และความคิดสร้างสรรค์มากมายนั่นเอง

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยร

            และในฐานะที่เขาเป็นขวัญใจของวัยรุ่นเด็กแนวทั่วประเทศ ล่าสุด (16 พฤษภาคม 2556) โต้ สุหฤท ก็ยังได้ฝากข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องความรักของวัยรุ่น มาสอนและเตือนทุก ๆ คนไว้อย่างน่าสนใจผ่านทวิตเตอร์ @Suharit ดังนี้

 1. คือวัยรุ่นไม่ต้องจะเป็นจะตายอะไรนักหนาหรอกเวลาอกหัก มี 20 % ที่รักกันตอนวัยรุ่นแล้วแต่งงานกัน และมีจำนวนมากที่อกหักอยู่นั่นแล้วเจอรักแท้

  2. วัยรุ่นค่ะอย่ารุนแรงกับความรักมากนักเพราะรักแท้มันมาเองแล้วมันไม่จากไปนะคะเบยงุงิ

  3. อีตอนเป็นวัยรุ่นก็หากันจังอีรักแท้ พอได้คู่เสือกคุยกันน้อยลงตอนแก่ มันมีถมเถไปนะคะเบยงุงิ ที่ถูกต้องคือคุยกันทั้งชีวิตด้วยรอยยิ้มและน้ำตา

  4. จะรักใครก็รักแต่หัดเผื่อใจไว้บ้างนะวัยรุ่น เพราะเขาคนนั้นอาจเป็นของคนอื่นที่ทิ่มแทงใจเราไปตลอด และอาจเป็นเพื่อนสนิทเราเอง

  5. การมีเซ็กส์มันห้ามยากและสวยงาม พี่ไม่กระแดะนะ อย่าเมาเป็นพอเพราะมันเฟคและจอมปลอมมาก แต่ไม่เข้าใจอีวันลอยกระทงกับวาเลนไทน์ อะไรนักหนาคะ

  6. รักที่กรีดแขน ฝนตก รถฉุกเฉินมารับเหมือนในมิวสิควิดีโอมันไม่มี คือน้องจะตายห่าทันทีที่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้น เศร้าก็ร้องไห้ หยุดแล้วเดินต่อ

  7. รักนั้นสวยงามแต่มียาพิษซ้อนอยู่นะวัยรุ่น มันไม่ใช่วิตามินชีวิตตลอดไปหรอก น้องอกหักก็อกหัก รักก็รัก เลิกก็เลิก แต่ต้องเด็ดขาดกับความรู้สึก

  8. วัยรุ่นคะอย่าหลงรักจนเลิกเรียน มันทุเรศนะคะเบยงุงิ ไม่ต้องโกรธพี่ด้วย เพราะพี่พูดจริง อยากได้สามีหรือใบปริญญา!

  9. โปรดสนุกกับความรักแบบวัยรุ่นเพราะมันจะหายไปตอนแต่งงานเพื่อชีวิตจริง วัยรุ่นงอนกันน่ารัก พอแก่แต่งงานกันงอนกันน่าตบที่หัวใจตนเอง นะคะเบย

  10. วัยรุ่นอย่ากระแดะทำเป็นรักหนักหนาครับ ให้รักเงียบ รักแบบจริงใจ รักแบบพรุ่งนี้ไม่มีเธอ แล้วต่อด่วยคำว่า แสรด ทำไมกูจะไม่มีมึงไม่ได้ว่ะ



ที่มา http://hilight.kapook.com/view/86120
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก DJ Suharit Siamwalla

ทำไมวัยรุ่นจึงมีปัญหา “รักในวัยเรียน”

  ทำไมหนอ... เราจึงมักเห็นผู้ใหญ่กังวลใจกับความรักของวัยรุ่นมากกว่าวัยอื่นๆ จนคำว่า “รักในวัยเรียน” กลายเป็นพฤติกรรมที่ผิด ไม่สมควร เป็นสิ่งต้องห้ามในสายตาผู้ใหญ่
       

ทำไมวัยรุ่นจึงมีปัญหา “รักในวัยเรียน”
        หรือนั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่รักและเป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าความรักจะทำให้เสียการเรียน ทำให้เกิดการตบตีแย่งคนรัก มีเซ็กส์ก่อน “วัยอันควร” ตั้งท้อง ทำแท้ง ติดเอชไอวี ฆาตกรรม และฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก อย่างที่คุ้นหูคุ้นตาเป็นประจำจากสื่อต่างๆ?
       
       หรือนั่นเป็นเพราะ วัยรุ่นยังไม่มีความรับผิดชอบเพียงพอ ยังไร้เดียงสากับความรัก ยังขาดการยับยั้งชั่งใจ?
       
       น่าสงสัยว่า ผลลบของการมีความรักที่ปรากฏในสังคมทุกวันนี้ เกิดขึ้นเฉพาะกับวัยรุ่นเท่านั้นหรือ? และ “ความรัก” เป็นต้นเหตุอย่างนั้นหรือ?
       
       ถ้าเช่นนั้น ผู้ใหญ่ผ่านช่วงของ “รักในวัยเรียน” มาได้อย่างไร
       วัยรุ่นขาดคุณสมบัติ ขาดวุฒิภาวะที่จะมีความรักอย่างที่ผู้ใหญ่คิดกันจริงๆ? หรือที่จริงแล้ว เป็นเพราะวัยรุ่นขาดทักษะการจัดการความสัมพันธ์ เช่น ขาดทักษะการบอกความต้องการ การยุติความสัมพันธ์ การรู้เท่าทันพฤติกรรมของคู่ การจัดการกับอารมณ์ทางเพศของตนเอง รวมถึงทักษะการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยกันแน่?
       
       ทุกวันนี้ ผู้ใหญ่ห่วงแต่ว่าการมีความรักของวัยรุ่นจะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ ทั้งมองความรักและเซ็กส์ของวัยรุ่นเป็นของคู่กัน จนหลงลืมเรื่องราวที่มากกว่าเรื่องเซ็กส์ไปหรือเปล่า
       
       การมีความรักไม่ได้หมายถึงการมีเซ็กซ์เสมอไป
       
       ในขณะที่เรื่องเพศ เป็นเรื่องที่ “ห้าม” พูดถึงในสังคม ฉะนั้น ช่องทางการเรียนรู้ที่มากกว่าเรื่องเพศสัมพันธ์จึงกลายเป็นเรื่องลับๆ โดยปริยาย ปัญหาคือ หากวัยรุ่นมีคำถาม เขาจะหาคำตอบได้จากที่ไหน ใครจะตอบเขาได้บ้าง หรือเขาจะกล้าไปถามใคร
       
       พฤติกรรม “อยากรู้อยากลอง” “ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ” จึงกลายเป็นคำเรียก “พฤติกรรม” ของวัยรุ่นที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ
       
       หรือเพราะผู้ใหญ่ลืมคิดถึงเบื้องหลังของพฤติกรรมเหล่านั้น สุดท้ายผลด้านลบของการมีความรักในวัยเรียน จึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอกย้ำกับสังคมว่า “วัยรุ่น” เป็น “ตัวปัญหา”
       
       ถ้าตราบใดที่ผู้ใหญ่ยังสร้างกำแพงเรื่องเพศ แล้ววัยรุ่นจะเรียนรู้เรื่องเพศ เรื่องทักษะการจัดการความสัมพันธ์ การมีความรักที่เหมาะสม และการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้จากใคร
       
       หรือเมื่อโตขึ้น พวกเขาจะรู้เองได้?
       
       จะดีกว่าไหม ถ้าผู้ใหญ่จะทลายกำแพงนั้นทิ้งเสีย แล้วเปลี่ยนมาสร้างเกราะป้องกันให้พวกเขา สามารถประคองชีวิตในวัยรุ่น ทั้งเรื่องเรียน เรื่องรักได้อย่างเหมาะสม ด้วยการให้ข้อมูลที่รอบด้าน เพื่อให้พวกเขารู้จัก คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และตัดสินใจด้วยตนเอง
       ไม่ใช่การ “คิดให้” แต่ “ให้คิด”


ที่มา 
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000111250